รู้หรือไม่ว่า มีคนไทยเพียง 42% ที่สามารถใช้ชีวิตด้วยการกินอยู่อย่างสมดุล (Balanced Diet) โดยเหตุผลหลักๆ คือ 1) ราคา เพราะผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าอาหารเพื่อสุขภาพมักจะมีราคาสูง 2) ความสุขจากของหวานขนมที่เป็นความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน และ 3) ความเร่งรีบ ทำให้ไม่มีเวลาปรุงหรือเตรียมอาหารที่ดี จึงเป็นสาเหตุให้หนึ่งในบริษัทที่มีแบรนด์มากมายและใกล้ชิดคนไทยมากที่สุดอย่าง ‘เนสท์เล่ ประเทศไทย’ ประกาศแผนธุรกิจจะปรับพอร์ตให้หลากหลาย มุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและมีคุณค่าโภชนาการในราคาที่เข้าถึงได้
โดยก่อนหน้านี้ ‘เนสท์เล่ ประเทศไทย’ ได้เดินหน้ากลยุทธ์การขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) มาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในการประกาศแผนการดำเนินธุรกิจปี 2567 จึงประกาศจะสานต่อกลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) รุกสร้างการเติบโตทุกพอร์ตผลิตภัณฑ์เต็มสูบ และจะเน้นชูพอร์ตผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนไทยทุกช่วงวัย ด้วยแคมเปญ “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ (Every Little Bite Matters)” ส่งเสริมคนไทยเลือกรับประทานอย่างเหมาะสมเพื่อความสุขกายและสุขใจอย่างยั่งยืน
พอร์ตผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ที่แบ่งตามพฤติกรรมการบริโภคของคนไทยในแต่ละกลุ่มตอนนี้เนสท์เล่ ประเทศไทยจะเดินหน้าธุรกิจด้วย 2 กลยุทธ์หลัก
กลยุทธ์แรก: ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (Grow a Healthier Portfolio) ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน และกลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม เสนอทางเลือกสุขภาพ คือรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ ลดน้ำตาล ลดโซเดียม
ตอนนี้เนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 100 รายการที่ได้รับการรับรอง สัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ (Healthier Choice Logo) นับเป็นจํานวนผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองสูงสุดในบรรดาบริษัทอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดในไทย นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน ทั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กและผลิตภัณฑ์นม รวมถึงผลิตภัณฑ์บางชนิดสำหรับผู้ใหญ่
– กลยุทธ์ที่ 2: ส่งเสริมการรับประทานอย่างสมดุล (Guide with Balanced Choice) สำหรับ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง ด้วยการปรับสูตรอาหารให้ผู้บริโภคได้รับประทานอย่างพอเหมาะ เช่น ไอศกรีมสำหรับเด็กทุกชนิดที่ให้พลังงานเพียง 110 กิโลแคลอรีหรือน้อยกว่า ขนมแบบมัลติเสิร์ฟสำหรับการบริโภคแบบหลายคนหรือบริโภคหลายครั้ง จะมีการระบุปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมสำหรับแต่ละมื้ออย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์
จัดงบ 8 พันล้าน ขยายการผลิตอาหารสัตว์-UHTวิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่ากล่าว ยังได้เล่าถึง การจัดสรรงบลงทุน 8,000 ล้านบาท ในการขยายสายการผลิต เริ่มตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมาจนถึงปี 2026 เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อผู้บริโภคและสัตว์เลี้ยง แบ่งเป็นการขยายสายการผลิตที่โรงงานยูเอชที เสริมแกร่งให้ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มยูเอชทีทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ต่าง ๆ เช่น ไมโล ตราหมี S-26 และคาร์เนชั่น
พร้อมขยายสายการผลิตผลิตภัณฑ์ อาหารแมวเกรดซูเปอร์พรีเมียมชนิดเปียกและชนิดแห้ง ที่โรงงานเนสท์เล่ เพียวริน่า เพ็ทแคร์ ทั้งสองแห่ง โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามายกระดับการผลิตอาหารเพื่อสัตว์เลี้ยงให้มีรสชาติและรูปแบบที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ตอบโจทย์กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี
โดยหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจ คือ ปัจจุบันเทรนด์เลี้ยงสัตว์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง แต่คนไทยกว่า 60% ยังคงให้อาหารคนกับสัตว์เลี้ยง จึงเป็นช่องว่างในตลาดให้เนสท์เล่สามารถเชิญชวนผู้บริโภคมาให้อาหารที่เหมาะสมกับสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
เปิดตัวแคมเปญอย่างยิ่งใหญ่ ตั้งเป้าเข้าถึงทั่วประเทศในด้านการสื่อสาร เนสท์เล่ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “คำเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ – Every Little Bite Matters” เพื่อสนับสนุนให้คนไทยได้เลือกรับประทานให้สมดุล ทั้งอาหารที่ดีต่อร่างกายและอาหารที่ดีต่อใจในปริมาณเหมาะสม เนสท์เล่เชื่อว่าอาหารทุกคำสามารถสร้างผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ตามมาเสมอ แคมเปญนี้ประกอบด้วยการสื่อสารครบวงจรที่มุ่งสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุล จุดประกายให้คนไทยลองเปลี่ยนคำเล็กๆ ในมื้ออาหาร สร้างสมดุลในทุกวัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต ผ่านวิธีง่าย ๆ เช่น การจับคู่เพิ่มประโยชน์ให้อาหาร การควบคุมปริมาณให้เหมาะกับความต้องการของร่างกาย และการจัดมื้ออาหารให้สมดุล รวมทั้งเดินสายให้ความรู้คนไทยผ่านโครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี และกิจกรรมเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง ตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 120,000 คนใน 200 ชุมชนทั่วประเทศตลอดปี 2024
สุดท้าย คือ เนสท์เล่ยังมุ่งมั่นดูแลและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ผ่านกลยุทธ์ในการ “ขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อโลกของเรา” (Good for the Planet) โดยได้ดำเนินงานตามแผนงานด้านความยั่งยืนตลอดหลายปีที่ผ่านมาและมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก
อาทิ 96% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ประเทศไทย ได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้ การจัดหาเมล็ดกาแฟและน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน 100% รวมถึงให้การสนับสนุนเกษตรกรผู้เพาะปลูกกาแฟและเลี้ยงโคนม อีกทั้งยังมีโครงการดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโรงงานผลิตน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ 100% และมีการลดการปล่อยคาร์บอนตามแผนงานที่ตั้งไว้
“ด้วยกลยุทธ์หลักในการขับเคลื่อนสิ่งดี ๆ เพื่อผู้บริโภคและเพื่อโลกของเรา เนสท์เล่จะเดินหน้านำเสนอผลิตภัณฑ์ที่อร่อยและมีคุณค่าทางโภชนาการเพื่อคนไทยในทุกช่วงวัย ควบคู่กับการให้ความสำคัญด้านความยั่งยืน เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 พร้อมทั้งดำเนินงานภายใต้หลักการ ESG ทุกมิติ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และ
ธรรมาภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าให้แก่สังคมไทยและผู้บริโภคชาวไทยวันนี้และอนาคต” วิคเตอร์กล่าว
2024-05-07T06:14:53Z dg43tfdfdgfd