เตรียมพบ SUBWAY โฉมใหม่ PTG ทุ่ม 2.5 พันล้าน ขยาย 500 สาขา ปูทางสู่ TOP3

สำหรับคนที่เป็นคอซีรีส์เกาหลี คงเคยเห็นร้านแซนวิชซับเวย์ (Subway) ผ่านตากันมาไม่น้อย ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่าเป็นร้านอาหารของคนเกาหลี แต่ความจริงแล้ว Subway เป็นร้านฟาสต์ฟู้ดสัญชาติอเมริกัน

ที่หลังจากนี้คนไทยน่าจะมีโอกาสได้กินแซนวิซจากร้านนี้มากขึ้น เพราะบริษัท โกลัค จำกัด บริษัทย่อยภายใต้บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด(มหาชน) หรือ PTG ได้รับสิทธิ์ มาสเตอร์ เเฟรนไชส์ ร้าน Subway อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว

โดย ‘พิทักษ์ รัชกิจประการ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด(มหาชน) ได้เล่าว่า Food And Beverage เป็น 1 ใน 8 ธุรกิจหลักที่ PTG ตั้งเป้าที่จะลงทุนตามแผน Diversity Portfolio เพื่อขยายธุรกิจกลุ่ม Non-Oil ให้เติบโตมากขึ้น

ซึ่งหลังจากที่บริษัท โกลัค จำกัด ได้รับสิทธิมาสเตอร์ เเฟรนไชส์ บริษัทได้มีการวางแผนเพื่อทำให้ Subway เป็นที่รู้จักและเข้าถึงคนไทยมากขึ้นด้วยการขยายสาขา จากปัจจุบันที่ Subway มีสาขาทั้งหมดอยู่ที่ 148 สาขา

โดยเตรียมขยายสาขาปีละ 50 สาขา และตั้งเป้า 10 ปี ต้องขยายได้ 500 สาขาทั้งในกรุงเทพฯและปริมณฑล คาดว่าจะใช้งบลงทุนอยู่ที่ 230-250 ล้านบาทต่อปี

หรือใน 10 ปี (2567-2576) จะใช้งบลงทุนราวๆ 2,300-2,500 ล้านบาท แต่ในช่วงที่เหลือปี 2567 นี้ คาดว่าจะสามารถเปิดได้ 20-30 สาขา

สำหรับจุดเด่นของ Subway คือเป็นธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) เดียว ที่อบขนมปัง สด ใหม่ ในร้านทุกวัน นำเข้าจากต่างประเทศ มีให้เลือกมากถึง 5 ชนิด

รวมถึงขนมปังโฮลวีต มีเนื้อสัตว์หลากหลาย เช่น ทูน่า ไก่ เนื้อ ที่ไม่ผ่านการแปรรูป ซึ่งทำให้ Subway มีจุดขายที่สามารถเป็นอาหารที่ดีสำหรับคนรักสุขภาพได้แม้จะเป็นฟาสต์ฟู้ด

ในส่วนของแผนการเปิดร้านขยายสาขาครั้งนี้ จะมาในคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้แนวคิด “Eat Fresh, Feel Good” ทำให้การขยายสาขาครั้งนี้จะเน้นไปตามแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้ ออฟฟิศ สนามบิน รวมถึงโรงพยาบาล และมีกลุ่มเป้าหมายหลัก คือวัยรุ่น คนทำงาน และกลุ่มครอบครัว

นอกจากนี้ PTG เตรียมจะเปิด ‘ไดร์ฟทรู’ เป็นสาขาแรกในประเทศไทย ภายในสถานีบริการน้ำมันเรือธงของ PT ที่นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ภายในปีนี้อีกด้วย

ที่สำคัญยังมีแพลนที่จะปรับราคาอาหารให้ถูกลง รวมถึงปรับรูปลักษณ์อาหารให้รับประทานทานง่ายขึ้น เนื่องจาก Subway ก็ได้รับกระแสจากลูกค้ามาว่าอาหารค่อนข้างมีราคาสูงและรับประทานได้ยาก จึงมีความตั้งใจที่จะปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น

ทั้งนี้ จากการขยายสาขา Subway ตามแผนเพื่อขยายธุรกิจกลุ่ม Non-Oil ได้มีการตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ในกลุ่มนี้จากเดิมที่ 20-30% ให้เพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วน 40-50% ภายในปี 2570 ซึ่งก็จะตัวหนุนให้กำไรของ PTG เพิ่มมากขึ้นด้วย

และจากแผนธุรกิจในครั้งนี้ มั่นใจว่าจะทำให้ PTG ก้าวขึ้น TOP 3 ผู้นำตลาดธุรกิจร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ได้สำเร็จภายใน 3 ปี จากปัจจุบันที่อยู่ในลำดับที่ 5 ของตลาด

2024-04-26T06:22:15Z dg43tfdfdgfd