GOYARD แบรนด์หรูอายุ 230 ปี จากร้านขายหีบให้ชนชั้นสูง ที่เด็กในร้านรับสืบทอดจนโด่งดัง
หนึ่งในแบรนด์หรูที่ไม่มีช็อปในไทย แต่กลับได้รับความนิยมในไทยอย่างมากคงหนีไม่พ้น ‘Goyard’ ข้อมูลจาก YouTrip บอกว่า ตอนนี้ Goyard เป็นแบรนด์ลักซัวรีที่คนไทยชอบช้อปมากที่สุดเวลาไปเที่ยวต่างประเทศ และฮอตจนพุ่งขึ้นเบอร์ 1 ในหมู่ผู้ใช้ที่ช้อปสินค้าหรูส่วนใหญ่
ทำให้เมื่อคนไทยไปท่องเที่ยวต่างประเทศการต่อแถวรอช็อปปิ้งแบรนด์ Goyard ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลัก หรือแม้แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศในช่วงนี้ ยังคงหาซื้อกันตามร้านค้าพรีออเดอร์แบรนด์หรูอีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ Goyard เป็นแบรนด์หรูที่มีอายุมากกว่า 232 ปีมาแล้ว ซึ่งแบรนด์ยังไม่ค่อยทำการตลาดใดๆ เลยด้วยซ้ำ แต่กลับมีชื่อเสียงและคนต้องการจับจอง
แล้วเส้นทางของ Goyard เป็นอย่างไร? ทำไมถึงฮอตขนาดนี้? TODAY Bizview สรุปให้แล้ว ผ่านบทความนี้
[ Goyard เริ่มจากผลิตหีบ-กล่อง ให้ชนชั้นสูงฝรั่งเศส ]
ย้อนกลับไปในฝรั่งเศสปี 2335 (232 ปีก่อน) ‘Pierre-François Martin’ ชายชาวฝรั่งเศสก่อตั้งร้านจำหน่ายหีบ กล่องบรรจุสินค้าคุณภาพสูง สำหรับการใช้ในการเก็บเสื้อผ้าสินค้าที่แตกหักง่าย หรือการใช้งานอื่นๆ อเนกประสงค์ ในชื่อ ‘Maison Martin’ และมีหน้าร้านตั้งอยู่บ้านเลขที่ 4 ถนน rue Neuve des Capucines
โดยในตอนนั้นแบรนด์สร้างความแตกต่างให้กับธุรกิจการขายหีบและกล่องที่มีทั่วไปในตลาด ด้วยการใช้วัสดุที่แตกต่าง เช่น ผ้าใบทาน้ำมัน ผ้าใบธรรมดา ผ้าใบกันน้ำ จนสามารถทำให้เกิดหีบและกล่องไม้คุณภาพกันกระแทกไดhดี รวมถึงยังจำหน่ายในราคาที่เข้าถึงได้
ทำให้แบรนด์เป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของฝรั่งเศส รวมถึงสมเด็จพระราชินีนาถมารี-แคโรไลน์แห่งบูร์บง-ซิซิลีส์ ดัชเชสแห่งเบอร์รี่ยังเป็นลูกค้าประจำอีกด้วย และ 2 ปีถัดจากนั้นเขาย้ายร้านมาเปิดใน บ้านเลขที่ 233 ถนน rue Saint-Honoré ที่เป็นสาขาหลักและเก่าแก่มาจนถึงปัจจุบัน
ต่อมาในปี 2384 ด้วยความที่ ‘Pierre-François Martin’ เป็นพ่อหม้ายไม่มีลูก แต่มีลูกสาวบุญธรรมคือ ‘Pauline Moutat’ ซึ่งเขาก็เริ่มแก่และถึงเวลาต้องส่งต่อธุรกิจ เขาจึงจับคู่ลูกสาวบุญธรรมกับลูกจ้างในร้านแต่งงานกัน โดยลูกจ้างคนนั้นคือ ‘Louis-Henri Morel’ และได้มอบธุรกิจนี้ให้เป็นสินสอดของทั้งคู่
[ ตระกูล Goyard ผู้เข้ามาเปลี่ยนธุรกิจไปตลอดกาล ]
และหลังจากที่เปลี่ยนมือธุรกิจมาเป็นคู่รักทั้งสอง ‘Louis-Henri Morel’ ก็ได้จ้างเด็กฝึกงานวัย 17 คนหนึ่ง นั่นก็คือ ‘François Goyard’ เด็กชายที่เข้ามาพลิกโฉมแบรนด์ให้กลายเป็นที่รู้มาจนถึงทุกวันนี้
ในปี 2428 ‘Louis-Henri Morel’ ได้เสียชีวิตลงกะทันหัน แต่ก่อนหน้านั้นเขาได้ถ่ายทอดวิชาธุรกิจและแนวคิดต่างๆ ไว้ให้ François Goyard ไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเขาได้เข้ามารับช่วงต่อและรีแบรนด์ธุรกิจให้เป็น Maison Goyard และภายหลังจากที่รีแบรนด์ได้เพียง 32 ปี ก็เกิดการเปลี่ยนมือสู่ ‘Edmond Goyard’ ลูกชายของเขาแทน
โดย ‘Edmond Goyard’ ได้เปิดตัวสินค้าต่างๆ ทำการตลาดให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็น การเปิดตัวแฟชั่นของสุนัข (Le Chic du Chien) พร้อมเปิดแคมเปญโฆษณาแรกด้วยการวาดภาพสินค้าเสื้อผ้าสัตว์เลี้ยงให้ดูชิคๆ คูลๆ ในยุคสมัยนั้น
นอกจากนี้ Goyard ยังเป็นแบรนด์ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการเป็นผู้จัดส่งกระเป๋าเดินทางให้กับราชวงศ์อังกฤษ ราชวงศ์จักรวรรดิรัสเซีย และประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกด้วย
[ ลายโมโนแกรมสุดฮอตเกิดขึ้นได้ขึ้นจากแรงบันดาลใจครอบครัว Goyard ]
และถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนมือของทายาทอยู่บ่อยๆ แต่ที่มาของลายโมโนแกรมสุดฮิต หรือที่เรียกกันว่า ‘Goyardline’ ต่อยอดเป็นกระเป๋าในรูปแบบต่างๆ ก็มาจากไอเดียของ ‘Edmond Goyard’
โดยเขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากประวัติครอบครัวของเขาจึงเลือกใช้รูปแบบเส้นประและประกอบเป็นรูปบั้งสามตัววางชิดกันเป็นรูปตัว Y ซึ่งเป็นตัวอักษรกลางในชื่อตระกูล Goyard พร้อมกับเซ็นชื่อบนผ้าโมโนแกรมด้วยตัวอักษรสีขาวที่มาจากลายมือของเขาเองและในตอนนั้นลายโมโนแกรมก็มีเพียงสีดำ และเน้นใช้ผลิตกระเป๋าเดินทาง
ภายหลังจากนั้นมากระแสของลายโมโนแกรม Goyard ก็มาแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในช่วงสงครามโลกที่หยุดผลิตไปช่วงหนึ่ง
และผลิตต่อในปี 2540 ซึ่งตอนนั้นก็เปลี่ยนมือธุรกิจครั้งเป็น ‘Jean-Michel Signoles’ โดยเขาได้เข้ามาเปิดตัวลายมือโมโนแกรมสีใหม่สีใหม่ 11 สี นอกเหนือจากสีดำ อาทิ แดง สีส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงินกรมท่า เบอร์กันดี เทา และขาว มีให้เลือกในกระเป๋าหลากหลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น กระเป๋าเดินทาง กระเป๋าสะพายข้าง กระเป๋าสตางค์ และอื่นๆ
และสีพิเศษอย่างสีเทาพิเศษและสีทองจะมีให้สำหรับกระเป๋าเดินทางแบบแข็งเท่านั้น
[ ทำไม Goyard ถึงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ]
แล้วสำหรับคำถามที่ว่าทำไม Goyard ถึงเป็นที่นิยม อ้างอิงได้จากรายงานของ Borro บริษัทบริหารสินทรัพย์หรู เผยว่า นอกจาก Goyard เป็นแบรนด์หรูที่มีมานานกว่า 232 ปีแล้วแต่ดีไซน์ของกระเป๋าไม่ได้เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังใช้งานได้และทนทาน ทําจากวัสดุคุณภาพสูง และมีความละเมียดละไมในการผลิต ทำให้ใครๆ ก็ต้องการจับจองเป็นเจ้าของสักใบนั่นเอง
และเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ตลอด 232 ปีแม้จะ Goyard จะเปลี่ยนมือมาหลายหน แต่เรื่องราวและความสวยงาม ความทนทานของสินค้าที่ยังคงเป็นจุดแข็งที่ทำให้แบรนด์แข็งแกร่งได้จนถึงทุกวันนี้ น่าติดตามว่าความต้องการของ Goyard ที่มากขนาดนี้จะส่งให้ราคาพุ่งไปอีกขนาดไหนกัน…
ที่มา
2024-05-03T13:36:03Z dg43tfdfdgfd