เปิดประวัติ “แม่กิมไล้ บุญประเสริฐ” ตำนานขนมหม้อแกงเพชรบุรี

จากที่เฟซบุ๊ก “เปี๊ยก แม่กิมไล้” ได้โพสต์ข่าวการจากไปของ “แม่กิมไล้” เจ้าของร้านขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ ซึ่งถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 22 เม.ย.67 สิริอายุ 90 ปี โดยร้านขนมของแม่กิมไล้ขึ้นชื่อเรื่องการทำขนมหม้อแกงที่มีรสชาติเฉพาะตัว เรียกว่าใครได้ลองซื้อมาชิมเป็นอันต้องติดใจทุกราย แต่กว่าจะมาเป็นแบบทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องสู้ชีวิตมาจากการหาบเร่ขายขนม ลองผิดลองถูกเรื่องรสชาติจนประสบความสำเร็จ ทีมข่าวพีพีทีวีจึงอยากพาไปรู้จักแม่กิมไล้ตำนานขนมหม้อแกงเพชรบุรีให้มากขึ้น

อาลัย “แม่กิมไล้” ยอดหญิงแกร่งเจ้าของร้านขนมหม้อแกงเพชรบุรี

ไทยติดโผอีก! “ข้าวเหนียวมะม่วง” คว้าที่ 2 เมนูพุดดิ้งข้าวที่ดีสุดในโลก

กองทัพอากาศ ส่ง UAV ตรวจลาดตระเวนทางอากาศ ป้องกันชายแดนไทย-เมียนมา

ประวัติ “แม่กิมไล้”

“แม่กิมไล้ - น.ส.ไล้ ตะบูนพงษ์” เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2477 ที่ต.บางตะบูน อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เป็นบุตรสาวคนที่ 6 จากจำนวนพี่น้อง 7 คนของ นายหมู-นางแดง ตะบูนพงษ์

ชีวิตในวัยเด็กของแม่กิมไล้ ครอบครัวถือว่าค่อนข้างมีฐานะ พ่อและแม่ประกอบอาชีพทำขนมไทยขายในชุมชนสองฟากฝั่งริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน และทำขนมขายในงานประจำปีตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดเขาตะเครา วัดปากอ่าวบางตะบูน และวัดเขายี่สาร เป็นต้น

ด้านการเรียนแม่กิมไล้เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดปากอ่าว (ญาณสาครวิทยาคาร) ต.บางตะบูนออก อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี และในช่วงวันหยุดแม่กิมไล้กับ น.ส.ลั้ง ตะบูนพงษ์ หรือ “แม่กิมลั้ง” ผู้เป็นพี่สาว จะพายเรือนำขนมไปขายให้แก่ชาวบ้านในชุมชนสองฟากฝั่งริมแม่น้ำปากอ่าวบางตะบูน

ชีวิตหลังเรียนจบแม่กิมไล้ได้พบรักกับ จ.ส.ต.กลม บุญประเสริฐ รับราชการตำรวจอยู่ที่ สภ.บางตะบูน ทั้งสองได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยกันที่ตัวเมืองเพชรบุรีขณะมีอายุได้18 ปี โดยแรกเริ่มทั้งคู่เช่าบ้านพักอาศัยอยู่ในซอยหน้าวัดมหาธาตุวรวิหาร อ.เมือง จ.เพชรบุรี ซึ่งขณะนั้นแม่กิมไล้ มีชีวิตที่ไม่ได้สุขสบาย เพราะสามีทำงานคนเดียว และได้เงินเดือนไม่มากนัก ทั้งสองจึงใช้ชีวิตด้วยความประหยัดโดยการกินข้าวกับปลาสีกุนกับนำพริก และ ผักที่หาเก็บเอาตามข้างบ้าน แต่ถึงแม้ชีวิตจะลำบากแค่ไหน แม่กิมไล้ก็ไม่เคยคิดที่จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร

โดยทั้งสองได้มีพยานรักร่วมกันถึง 7 คนและแม่กิมไล้ก็ทำหน้าที่เลี้ยงลูกทุกคนมาตลอด 10 ปี เมื่อลูกคนแรกอายุได้ 9 ขวบ แม่กิมไล้จึงเริ่มคิดหารายได้เสริมเพื่อนำเงินมาจุนเจือให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง เดิมทีแม่กิมไล้มีความรู้ในเรื่องการทำขนมหวานที่ได้รับมาจากแม่ของตนเองตั้งแต่ยังเด็ก จึงตัดสินใจเริ่มทำขนมขายตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยอาศัยเงินทุนเท่าที่มีนำไปซื้ออุปกรณ์และวัตถุดิบมาทำ เริ่มแรกขายขนมกล้วย ขนมเทียน ขนมตาล และข้าวต้มมัด ใช้วิธีการเดินหาบไปนั่งขายแถวริมฟุตบาทและตามตลาดในตัวเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเป็นประจำทุกวัน

ถึงแม้ช่วงแรกของการขายขนมจะยังไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร แต่แม่กิมไล้ก็ไม่ย่อท้อ ยังคงสู้ต่อไปโดยมีลูกๆ และ สามีคอยช่วยขายหลังเลิกงาน และความพยายามก็เริ่มประสบผลสำเร็จ ด้วยรสชาติขนมที่อร่อยก็ทำให้ขนมของแม่กิมไล้เริ่มเป็นที่กล่าวขานของชาวตลาดเมืองเพชรบุรี และจากเคยหาบขนมขายเพียงเล็กน้อยก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น จนต้องเปลี่ยนมาใช้เป็นรถเข็นในการขายแทน และหันมาทำขนมหวานจำพวก ทองหยิบ ฝอยทอง ลูกชุบ บ้าบิ่น สังขยา ขนมหม้อแกง ฯลฯ โดยอาศัยการลองผิดลองถูกจนได้รสชาติของขนมที่อร่อยถูกปากลูกค้า

ต้นกำเนิดร้านขนมหม้อแกงแม่กิมไล้

พระเทพวงศาจารย์ หรือ “หลวงพ่ออินทร์” เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดยางในขณะนั้น ผ่านมาเห็นและได้ทักทายกับแม่กิมไล้พร้อมตั้งชื่อให้ว่า “แม่กิมไล้” ซึ่งถือเป็นชื่อสิริมงคลสำหรับการค้าขายขนมหวานที่แม่กิมไล้ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

โดยหลังจากนั้นขนมหวานของแม่กิมไล้ก็ขายดิบขายดีเป็นที่กล่าวขานของชาวเมืองเพชรบุรี เมื่อแม่กิมไล้เริ่มมีเงินมีทองเก็บมากขึ้น ในปี 2515 ก็ขยายกิจการเปลี่ยนจากรถเข็นไปขอเช่าพื้นที่เปิดร้านขายขนมหวานที่หน้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดเพชรบุรี

ต่อมา ในสมัยที่นายเอนก พยัคฆันตร์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ได้จัดมีการงานกาชาด ณ สนามหน้าเขาวัง (พระนครคีรี) ภายในงานมีการประกวดการทำขนมไทยเมืองเพชร โดยกำหนดให้ทำขนมหม้อแกงสูตรของตัวเอง ซึ่งครูทิม วรรณคีรี อาจารย์ใหญ่โรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ยในขณะนั้นได้นำ “ขนมหม้อแกงของแม่กิมไล้” ส่งเข้าประกวด และด้วยรสชาติหวานมัน หอมกลมกล่อม และมีความอร่อยเป็นเอกลักษณ์ จึงทำให้ขนมหม้อแกงแม่กิมไล้ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากนั้นมาขนมหม้อแกงแม่กิมไล้เริ่มเป็นที่รู้จักของผู้คนและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ

และในปี 2517 แม่กิมไล้เห็นว่าธุรกิจการทำขนมหวานเริ่มเจริญเติบโตเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจึงไปซื้อตึกแถว มาเปิดเป็นร้านขายของฝากเป็นแห่งแรก ก่อนขยายไปเปิดที่ฝั่งตรงข้ามอีกหนึ่งร้าน และนั่นก็ทำให้จนธุรกิจเริ่มเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อย ๆ มีลูกค้าและนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมาก และเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวในปริมาณที่มากขึ้น แม่กิมไล้จึงได้ขยายสาขาเพิ่มอีก 4 สาขา ประกอบด้วยสาขาต.หัวสะพาน อ.เมืองเพชรบุรี, สาขาต.เขาทโมน อ.บ้านลาด, สาขาต.ท่ายาง และสาขา ต.ไร่ส้ม รวมทั้งสิ้น 5 สาขา โดยมีลูกหลานร่วมกันช่วยบริหารจนกิจการรุ่งเรืองมาถึงปัจจุบัน

2024-04-23T12:04:53Z dg43tfdfdgfd